รัฐบาลยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ นายกรัฐมนตรีสั่งเข้มมาตรการชายแดน คุมเข้มอินเทอร์เน็ตและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนัน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยระบุว่ารัฐบาลได้ประกาศยกระดับมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชน และต่อภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีระหว่างประเทศ โดยไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางความร่วมมือกับนานาชาติในการแก้ปัญหานี้
ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ประเทศกัมพูชากลายเป็นศูนย์รวมของอาชญากรรมข้ามชาติระดับโลก ซึ่งสร้างความเสียหายกว่า 600,000 ล้านบาทต่อปี จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกอย่างเข้มข้น
มาตรการด้านความมั่นคง
รัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE), กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันบังคับใช้มาตรการเข้มบริเวณชายแดน 7 จังหวัด โดยจะจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านข้ามแดน ห้ามการเดินทางเข้า-ออกยกเว้นในกรณีจำเป็น เช่น นักเรียน คนป่วย หรือกรณีได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ พร้อมทั้งห้ามชาวต่างชาติเข้าไปเล่นพนันในพื้นที่ชายแดน และเข้มงวดการเดินทางโดยเครื่องบินไปยังจุดที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมพนัน เช่น เสียมราฐ
การสกัดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
กระทรวง DE โดยศูนย์ AOC จะเร่งตรวจสอบบัญชีม้าและเส้นทางการเงินของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ พร้อมสั่งระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตและเส้นทางอินเทอร์เน็ตใต้ทะเลที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานด้านความมั่นคงของกัมพูชา และร่วมมือกับ ปปง. ในการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรกลุ่มฟอกเงิน ยึดหรืออายัดทรัพย์ที่โยกย้ายไปต่างประเทศ
ควบคุมการส่งออกสินค้า
มีการชะลอการส่งออกน้ำมัน ไฟฟ้า และสินค้าอื่น ๆ ที่อาจเอื้อประโยชน์ต่อกิจกรรมผิดกฎหมายของกลุ่มอาชญากรรม โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
กระทรวงพาณิชย์มีแผนสนับสนุนเกษตรกรและ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน โดยประสานงานกับภาครัฐและเอกชนเพื่อช่วยเหลือด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายสินค้า
ความร่วมมือระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศจะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการร่วมในภูมิภาค สำหรับปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรระหว่างประเทศ
การติดตามและวัดผล
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานกำหนดระยะเวลาดำเนินการ (timeline) และตัวชี้วัด (KPI) โดยให้เห็นผลใน 3 เดือน ทั้งในด้านการลดจำนวนคดีร้องทุกข์ มูลค่าความเสียหาย การยึดทรัพย์ และการจับกุมดำเนินคดีอย่างเป็นรูปธรรม
ผลกระทบต่อธุรกิจไทยในกัมพูชา
นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนทางการทูตกับธุรกิจของคนไทยที่ลงทุนในกัมพูชา และยืนยันว่ายังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น โดยหากมีข้อจำกัดเรื่องพลังงานจากฝั่งกัมพูชา จะกระทบต้นทุนภายในประเทศของเขาเอง รวมถึงคนไทยที่อาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วย
บทบาทของหน่วยความมั่นคง
รัฐบาลมอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงควบคุมพื้นที่ชายแดน และพิจารณาเปิด-ปิดด่านตามสถานการณ์ โดยเน้นการลาดตระเวนเข้มในช่องทางธรรมชาติ เพิ่มความร่วมมือระหว่างทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง และสนับสนุนกลไกความร่วมมือชายแดน เช่น RBC และ JBC เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างยั่งยืน
ผลการปฏิบัติงานและความร่วมมือระหว่างประเทศ
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าได้จัดตั้งศูนย์ War Room เพื่อติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวัน โดยประสานงานกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เช่น อาเซียน อินเตอร์โพล และ UNODC เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และดำเนินการเชิงลึกกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะในกัมพูชาซึ่งถือเป็นฐานใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
แนวโน้มและแผนการดำเนินงานต่อเนื่อง
จะมีการสืบสวนขยายผลไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการตั้งฐานปฏิบัติการในกัมพูชา รวมถึงผู้เกี่ยวข้องด้านการเงิน เพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป พร้อมกับการประชุมตำรวจอาเซียนปลายเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อเร่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ